200 ปัจจัย ติด google ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างบริษัทราคาแพง คุณก็ทำเองได้ !
ดันอันดับ Google ด้วย SEO ด้วยเทคนิคนางฟ้า สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ เจ้าของแบรนด์ SME ร้านค้าออนไลน์ แวะอ่านได้เลยค่ะ!
ดันอันดับ Google ด้วย SEO ด้วยเทคนิคนางฟ้า สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ เจ้าของแบรนด์ SME ร้านค้าออนไลน์ แวะอ่านได้เลยค่ะ!
Google SEO Ranking Factors มีมากกว่า 200 ปัจจัย นักการตลาดออนไลน์ควรศึกษาวิธีการทำงานและวิธีใช้ เพื่อให้เว็บของเราค้นหาเจอบนหน้า 1 บนกูเกิลอย่างถาวร ยั้งยืน ปลอดภัย เน้นคุณภาพเป็นหลัก ที่สำคัญหัวใจของนัก SEO คือ...ต้องทำเว็บด้วยตัวเองเท่านั้น เว็บที่จ้างทำ หรือให้คนอื่นทำให้ไม่มีทางติดหน้า 1 บนกูเกิล Google Search Engine
- 200 ปัจจัยการจัดอันดับของ google กูเกิล คืออะไร ?
- Google's 200 Ranking Factors : ปัจจัย 200 ข้อการจัดอันดับ Google คืออะไร ?
- การจัดอันดับของ google โดย 200 ปัจจัย คืออะไร ?
- SEO กับ 200+ ปัจจัยการค้นหาของ Google คืออะไร ?
คุณรู้หรือไม่ ว่าปัจจุบันผู้คนค้นหาสินค้าผ่านกูเกิล 80% เมื่อลูกค้าเจอเว็บของเราบนกูเกิล อย่างไรก็ขายได้ อยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ไหม ?
การทำ SEO ด้วยตัวเองเริ่มต้นอย่างไร ?
1. ทำเว็บด้วยตัวตัวเองเท่านั้น (ห้ามจ้าง) แนะนำให้ทำด้วย Wordpress เวิร์ดเพรส เพราะง่าย แก้ไขได้ มีธีมและปลักอินให้ใช้มากมาย
2. ปรับเว็บให้มี Keyword การค้นหา หัวใจหลักของทำตลาดออนไลน์ที่ทุกคนต้องรู้
3. สร้างเนื้อหาให้มีคุณภาพ น่าอ่าน
4. อัพเดทเว็บตลอดเวลา อย่าปล่อยให้เว็บเป็นเว็บร้าง ถ้าจ้างทำ คนทำจะรีบทำเว็บของเราให้เสร็จ และหายไป เว็บเราก็จะกลายเป็นเว็บร้าง !
5. ทำการโปรโมทเว็บด้วยตัวเองด้วยเครื่องมือทางการตลาดมากมายแบบฟรี ๆ ด้วย Social Media โซเชียลมีเดียสุดพลัง (ไอทีแม่บ้าน เปิดสอน)
6. จำไว้เสมอ ว่า เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google นั่นหมายถึงลูกค้าก็มากขึ้น ธุรกิจเติบโตถาวรบนโลกออนไลน์อย่างถาวร ยั้งยืนด้วยค่าใช้จ่าย 0 บาท ติดแล้วติดเลย ติดยาวนาน ไม่ร่วง ไม่หล่น ไม่ไหล แต่มีข้อแม้ว่า เราต้องอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา
7. ทำ SEO ด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครทำได้ดีเท่าเราเอง ครูเจ ก็ทำเองค่ะ สบายๆ ผลงานเด่นๆๆๆ
สนใจเรียนทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google มาเรียนกับเรา ไอทีแม่บ้าน เรียนยากหน่อย เรียนหลายคอร์ส หลายระบบ เรียนยาวๆ เสียเงินสักก้อน แต่ก็ดีกว่า เอาเงินไปจ้างชาวบ้านแน่นอนค่ะ
------------------------
เข้าใจหลักการทำงานของ Google Search ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณแบบง่ายๆ ความรู้ด้าน SEO ถือเป็นเรื่องสำคัญ
Google Algorithm ทำงานอย่างไร ? ถ้าจะอธิบายแบบง่ายๆ คือ
1. Google เข้ามาเก็บข้อมูล Crawling ด้วยการไต่
2. Google นำข้อมูลที่เก็บไปได้ไปเก็บไว้ในดัชนี Indexing
3. Google ทำการจัดอันดับและแสดงผล Ranking การจัดอันดับ
เป้าหมายหลักของกูเกิล
เป้าหมายหลักของกูเกิล
การแสดงผลที่มีเว็บคุณภาพ ที่มีประโยชน์ ต่อคนค้นหา มีคำตอบ ให้เค้ามาอ่าน อ่านแล้วอ่านเอง กูเกิลชอบมาก
เป้าหมายของการทำ SEO (Search Engine Opitimazation)
ทำให้กูเกิลรู้ว่า เว็บของเราเป็นเว็บที่มีประโยชน์ ต่อคนค้นหา ด้วยคุณภาพ, ประโยชน์, ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือ กูเกิลก็จะส่ง Google Bot มาเก็บข้อมูลของเราเอง เพราะอย่าลืมว่า คนจำนวนมาก ล้วนอยากหาข้อมูลจากกูเกิล ต้องการหาคำตอบ ถ้าเรารู้คำตอบ เราก็จะสบาย
SEO คือคำตอบสุดท้าย
ถ้าเป็นคุณคนที่ตั้งใจทำตลาดออนไลน์แบบยั้งยืน ช่วยลดต้นทุนในการซื้อโฆษณา คงหนีไม่พ้นวิธีการทำตลาดด้วย ระบบ SEO และแน่นอน ท่านคงต้องเรียนรู้ระบบกูเกิล Google เพื่อให้เข้าใจว่า กูเกิล ทำงานอย่างไร สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ด้านคอมเลย อาจจะใช้เวลานานหน่อย เพราะต้องเริ่มจากการเรียนรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ SMEs ให้ได้ก่อน จากนั้นก็ต้องเรียนรู้วิธีการสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง คนที่เก่งระบบมากๆ บางคน จะสร้างเว็บไซต์จากหลากหลายระบบ เพราะฉนั้นหากสร้างเว็บได้เพียงระบบเดียว อาจไม่เพียงพอ SEO คือการเรียนรู้ระบบการทำงานของ Algorithm ของ Google ที่เป็นปัจจัยหลักในการจัดอันดับเว็บไซต์ ท่านต้องรู้ว่าว่าอะไรคือ SEO Basic, Quality Website, Search Engine, HTML Source Code, Meta Tags, Onsite, Offside, Link Building, Competitor Research, Blogging, Webmaster Tools, Google Place, Social Media, Feeder Website, Web blog, Webmaster Tool, Google My Business, Social Media -Facebook, Page Quality, Keyword, Backlink, Website, Social Media, Pagerank, Google Bot, Spider, Fresh Bot, Deep Bot, Crawl & Indexing, Panda, Panguin, Hummingbird, Onpage, Offpage, Update, Traffic, Content, และอื่นๆ การเรียนรู้ระบบ SEO จึงไม่สามารถเรียนได้ภายในระยะสั้นหรือแค่วันเดียว นัก SEO มืออาชีพบอกว่า ต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิต เพราะกูเกิล ก็เปลี่ยนระบบตลอดเวลา
ถ้าเป็นคุณคนที่ตั้งใจทำตลาดออนไลน์แบบยั้งยืน ช่วยลดต้นทุนในการซื้อโฆษณา คงหนีไม่พ้นวิธีการทำตลาดด้วย ระบบ SEO และแน่นอน ท่านคงต้องเรียนรู้ระบบกูเกิล Google เพื่อให้เข้าใจว่า กูเกิล ทำงานอย่างไร สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ด้านคอมเลย อาจจะใช้เวลานานหน่อย เพราะต้องเริ่มจากการเรียนรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ SMEs ให้ได้ก่อน จากนั้นก็ต้องเรียนรู้วิธีการสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง คนที่เก่งระบบมากๆ บางคน จะสร้างเว็บไซต์จากหลากหลายระบบ เพราะฉนั้นหากสร้างเว็บได้เพียงระบบเดียว อาจไม่เพียงพอ SEO คือการเรียนรู้ระบบการทำงานของ Algorithm ของ Google ที่เป็นปัจจัยหลักในการจัดอันดับเว็บไซต์ ท่านต้องรู้ว่าว่าอะไรคือ SEO Basic, Quality Website, Search Engine, HTML Source Code, Meta Tags, Onsite, Offside, Link Building, Competitor Research, Blogging, Webmaster Tools, Google Place, Social Media, Feeder Website, Web blog, Webmaster Tool, Google My Business, Social Media -Facebook, Page Quality, Keyword, Backlink, Website, Social Media, Pagerank, Google Bot, Spider, Fresh Bot, Deep Bot, Crawl & Indexing, Panda, Panguin, Hummingbird, Onpage, Offpage, Update, Traffic, Content, และอื่นๆ การเรียนรู้ระบบ SEO จึงไม่สามารถเรียนได้ภายในระยะสั้นหรือแค่วันเดียว นัก SEO มืออาชีพบอกว่า ต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิต เพราะกูเกิล ก็เปลี่ยนระบบตลอดเวลา
นัก SEO ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
การทำ SEO สามารถเรียนรู้เพื่อที่จะทำได้เอง เพื่อผลลัพย์อย่างยั้งยืนและปลอดภัย ที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายเป็น 0 ในการทำธุรกิจออนไลน์ ช่วยลดค่าใช้จ่าย ธุรกิจเติบโตอย่างยั้งยืนและถาวร !
การทำ SEO สามารถเรียนรู้เพื่อที่จะทำได้เอง เพื่อผลลัพย์อย่างยั้งยืนและปลอดภัย ที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายเป็น 0 ในการทำธุรกิจออนไลน์ ช่วยลดค่าใช้จ่าย ธุรกิจเติบโตอย่างยั้งยืนและถาวร !
200+++ ปัจจัยในการจัดอันดับกูเกิล มีอะไรบ้าง ? เรามาดูกัน ! พื้นฐานทำเว็บ ทำแบรนด์ให้ติดอันดับ Google ที่ SME Thailand 4.0 ต้องรู้ !
อยากให้เว็บติดอันดับดีๆ บนหน้าค้นหากูเกิล Google Search Engine คงต้องเลือกเอา ระหว่างการจ้างบริษัทซึ่งมีราคาแพงจนหน้าใจหาย แต่หากราคาถูก ผลงานก็อาจไม่เป็นที่หวัง แต่หากทำเองก็คงต้องเริ่มต้นเรียนด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆ และที่สำคัญต้องเรียนกับมืออาชีพที่ผลงานเท่านั้นนะคะ
วิธีการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ด้วยตัวเองฟรีๆ อ่านเลยโพสเดียวจบ
1. ใครยังไม่มีเว็บไซต์ให้เริ่มต้นทำเว็บไซต์ได้แล้ว เพราะอายุของโดเมน Domain มีผลกับเว็บไซต์มากมาย เว็บไซต์ที่จดทะเบียนนานแล้ว จะได้เปรียบเว็บไซต์ของคู่แข่งที่พึ่งจดนะคะ
(จดนานแล้ว - ดี)
1. ใครยังไม่มีเว็บไซต์ให้เริ่มต้นทำเว็บไซต์ได้แล้ว เพราะอายุของโดเมน Domain มีผลกับเว็บไซต์มากมาย เว็บไซต์ที่จดทะเบียนนานแล้ว จะได้เปรียบเว็บไซต์ของคู่แข่งที่พึ่งจดนะคะ
(จดนานแล้ว - ดี)
2. ก่อนจดโดนเมน Domain เช่น www.ไอทีแม่บ้าน.coom ควรมี keyword (คำค้นหา) ในชื่อโดเมน กูเกิลอาจจะค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีโดนเมน หรือ Keyword
3. มืออาชีพแนะนำว่าเว็บไซต์ที่จดควรมี keyword เป็นคำแรกในโดเมน Domain
4. ถ้าหากโดเมนของคุณไกล้หมดอายุ ควรรีบต่ออายุ อย่าปล่อยให้โดเมนของคุณหมดอายุก่อนนะคะ เพราะเว็บไซต์อาจหายไปจากการจัดอันดับกูเกิล Google (เหลือมาก - ดี)
5. ถ้าหากเว็บไซต์มีซัพโดเมนก็ควรมีมี keyword ในชื่อซับโดเมน Subdomain ด้วยเช่นกัน
6. ไม่ควรซื้อเวบไซต์ต่อเพราะประวัติของโดเมนมีผล เว็บไซต์เก่าอาจทำผิดกฎของกูเกิล เราซื้อมาก็อาจจะทำใหเสียตังฟรีๆ เลย (หากเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองบ่อย - ไม่ดี)
7. keyword คือหัวใจหลักของการทำตลาดออนไลน์ เราควรมี Keyword ของธุรกิจของเรา ให้ตรงกับชื่อโดเมนทั้งหมด
8. เว็บไซต์ที่มีข้อมูลเปิดเผยข้อมูลใน Whois บางเว็บไม่เปิดเผย จะมีผลต่อการค้นหาบนระบบ Google
9. ชื่อของเว็บไซต์ไม่เคยทำผิดกฎ เช่น หากเราซื้อเว็บต่อจากคนอื่น เจ้าของเว็บเก่าอาจจะเคยทำผิดกฎกูเกิลมาก่อน เช่นเคยจ้างคนปั่นเว็บแบบสายดำ สายเทา ง่ายๆ คือ ผู้ถือครองใน whois ไม่เป็นผู้ที่ทำผิดข้อบังคับ google
10. สำคัญมาก หลายๆ คนชอบใช้ .com เพราะดูอินเตอร์ดี แต่หากอยากให้ลูกค้าในไทยค้นหาเจอ เราควรใช้ นามสกุล .co.th (ดีกว่า .com)
11. เวลาเขียนหัวข้อควรมีมี Keyword อยู่ในหัวข้อด้วย
12. มี keyword ใน Title Tag Title ที่จะเพิ่ม Traffic ได้ดี อาจเพิ่มคำเหล่านี้ เช่น สุดยอด, รีวิว, วิธีการ, ในปี 2559, 10 [ใส่ตัวเลขนำหน้าประมาณ Top 10] เป็นต้น
13. มี Keyword ใน Meta Description
14. keyword เป็นคำแรกใน Title Tag
15. มีการใช้คำ keyword นั้นซ้ำมากกว่าคำอื่นๆในหน้านั้น (เทียบคำต่อคำ)
16. มีเนื้อหาข้อความมากพอสมควร (1,000+ คำ)
17. มีความหนาแน่นของ keyword ในหน้า (เทียบคำต่อทั้งหมด)
18. LSI (Latent semantic indexing keyword) ในบทความไม่ควรเน้นแต่คำที่ต้องการ แต่ควรเน้นคำที่เป็น LSI ด้วย คือ keyword ที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกัน
19. LSI ในหัวข้อ และ meta description
มีคำที่เกี่ยวเนื่อง/เกี่ยวข้องใน Title และ Description Tag
20.โหลดเว็บได้อย่างรวดเร็ว
20. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ ยิ่งไฟล์เล็ก โหลดได้เร็ว จะยิ่งมีผลดี
21. ไม่ควรมีเนื้อหา/บทความที่ซ้ำกัน
บทความที่ซ้ำกัน จะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ
22. ใช้ Rel=Canonical เพื่อบ่งบอกหน้าที่ซ้ำกัน
การใช้ rel=canonical อย่างเหมาะสม จะทำให้ google รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำบทความซ้ำกัน
23. โหลดเว็บด้วย Chrome ได้อย่างรวดเร็ว
ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บผ่าน browser chrome เป็นที่รู้กันว่า chrome เป็นของ google อะไรที่ chrome ไม่ปลื้ม google ก็ไม่ชอบตามไปด้วย
24. ใส่ข้อมูลให้รูปภาพทั้ง ชื่อไฟล์, Alt Text, Title Description และ Caption
การทำ seo ให้กับรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็นชื่อรูป alt text, title, description, caption ของรูป
25. ความสดใหม่ของเนื้อหา/บทความ (ยิ่งใหม่ - ยิ่งดี)
ความสดใหม่ของบทความ เป็นสิ่งที่ caffeine algorithm ใช้ในการจัดอันดับ เพราะ google เชื่อว่า บทความที่เขียนไว้นาน ๆ อาจล้าสมัยไปแล้ว จึงสร้าง caffeine ขึ้นมาเพื่อให้บทความที่ใหม่กว่าซึ่งอาจจะมีข้อความที่มีข้อมูลที่ทันสมัยกว่า ได้อันดับที่ดีกว่า
26. มีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหา/บทความ
การแก้ไขบทความ ทำให้ google รู้ว่าบทความนี้เปลี่ยนไป มีความสดใหม่กว่าบทความเก่า จะได้อันดับที่ดีขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นควรเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นการเขียนข้อความใหม่เพิ่มเข้ามา มากกว่าการเปลี่ยนแค่คำไม่กี่คำ
27. ความถี่ในการแก้ไขเนื้อหา/บทความ (ยิ่งถี่ - ยิ่งดี
ความถี่ในการแก้ไขบทความ ยิ่งบทความเปลี่ยนบ่อย google ยิ่งรับรู้ถึงความสดใหม่ของบทความ
28. มี keyword อยู่ใน 100 คำแรกของหน้า
การมีคำที่ต้องการปรากฎอยู่ใน คำ 100 คำแรกจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การจัดอันดับของ google ให้ดีขึ้น
29. มี keyword ใน H2, H3 Tag
30. การเรียงคำ ตรงกับ keyword
31. มี Link ออกไปยังเว็บที่มีคุณภาพบ้าง อย่าหวังแต่ Link เข้าอย่างเดียว
32. การสร้างเนื้อหาของของเว็บที่ลิงก์ Link วิ่งออกไปยังเว็บอื่นๆ
33. การสะกดคำที่ถูกต้องและถูกไวยกรณ์
34. ห้ามก็อปปี้ใครมาเนื้อหา/บทความที่เขียนขึ้นเองใหม่ (ไม่ได้คัดลอกมา)
35. มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ จะช่วยให้เว็บของเรามีคุณภาพ มีวิธีง่ายๆที่ทำให้เนื้อหา/บทความของหน้าเพจมีคุณภาพ 1. มีคำมากกว่า 1,000 คำมีรูปภาพ, infographic, วิดีโอประกอบ 3. ทำเป็นหัวข้อและลิสต์รายการ,บทความเสริม
36. บางคนสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อขายพื้้นที่ Banner และทำลิงก์ออกจากเว็บ จำนวน Link ออกมากเกินไปก็ไม่ดี
37. มีรูปภาพ วิดีโอ และมัลติมีเดียอื่นๆ เว็บที่ติดอันดับ 1-10 ของ Google จะมีรูปภาพในเว็บ (ที่เกี่ยวกับเนื้อหา) อย่างน้อย 1 รูปเสมอ และยิ่งมีรูปและวิดีโอมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ผู้เข้าชมอยู่กับเว็บนานขึ้น
38. มี Link ภายในเว็บที่วิ่งเข้ามาหาหน้านั้น ทำ (On Page)
39. คุณภาพของเนื้อหาของหน้าที่มีลิงก์ภายในวิ่งเข้ามา (On Page)
40. บางท่านสร้างหน้าไม่เสร็จ เว็บของคุณก็จะมีหน้าที่เสีย ไม่ควรมีลิงก์เสีย (ลิงก์ไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่จริง)
41. มีความง่ายในการอ่าน เช่นการจัดหน้าให้สวย ทำตัวหนังสือให้สวย อ่านง่าย สบายตา
42. บางคนทำเว็บเพื่อหารายได้จาก Affiliate ไม่ควรมี Link ที่เป็น Affiliate มากเกินไป
43. ไม่ควรมี HTML error คุณสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณได้จาก Google Search Console
44. มีโดเมนที่น่าเชื่อถือ (Domain Authority - DA) หน้าเว็บของโดเมนที่มี authority มากกว่าย่อมดีกว่าเว็บที่มีค่าน้อยกว่า
45. มีค่า Page Rank (PR) สูง PR สูงเกิดจากมีลิงก์เข้ามาเป็นจำนวนมาก, แต่ละหน้ามีค่า PR ไม่เท่ากัน เราควรหาลิงก์จากเว็บที่มี PR สูง ที่เรียกว่า ลิงก์คุณภาพเท่านั้น อย่าเอาลิงก์ขยะเข้าเว็บนะคะ
46. URL ไม่ควรยาวจนเกินไป ปกติแล้วลิงก์ของ ไอทีแม่บ้าน ที่แสดงยาวเนื่องจากเป็นโค้ดของภาษาไทย ซึ่งมีผลดีมากกว่า (มีโอกาสตรงกับ keyword) URL ที่ยาวเกินไปอาจมีผลกับการค้น Google
47. URL ยิ่งใกล้โดเมนยิ่งดี
ที่อยู่ URL หรือ URL path ยิ่งหน้านั้นอยู่ใกล้กับหน้าแรกเว็บก็ย่อมได้ authority มากกว่าหน้าอื่น
48. เนื้อหาเขียนด้วยคน (ไม่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ) ห้ามใช้โปรแกรมในการเขียนเว็บ ควรเขียนเว็บด้วยตัวเอง เนื้อหาของเราเอง ผลงานของเราเองเท่านั้น
49. ความเกี่ยวข้องกันกับหน้าหมวดหมู่
หน้าหมวดหมู่ เป็นสิ่งที่รวบรวมหน้าที่มีเนื้อหาคล้ายกันเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้อันดับหน้าที่อยู่ในหน้าหมวดหมู่ดีขึ้นในคำนั้น
50. ใช้ Tag หรือป้ายกำกับ จะส่งผลดี (แต่ไม่ควรมีมากเกินไป)
51. มี keywords ใน URL จะได้เปรียบ เวลาตั้งค่า URL ควรคิดเรื่อง Keyword ก่อน
52. URL ที่สามารถอ่านได้ และมีลำดับชั้น เช่นกดเข้าไปดูเมนูอื่นๆ ได้
53. หากเราเขียนอ้างอิง และมีแหล่งที่มา เราควร มี Reference และที่มา (หากมี)
54. ใช้ bullet หรือ ลำดับรายการ เช่น 1.2.3.4.5. กูเกิลชอบบทความที่ลำดับหรือตัวเลข
55. ลำดับความสำคัญใน Sitemap
56. หากมีลิงก์ออกมากจะถูกหาว่า Spam จะมีผลเสียต่อการจัดอันดับ
57. มี PR ของคำต่างๆ หลายคำในหน้านั้น จะส่งผลให้ Google มองว่าเป็นหน้าที่มีคุณภาพ
58. อัพเดทหน้าบ่อยๆ อายุของหน้านั้นๆ หน้าใหม่ดีกว่าหน้าเก่า แต่หน้าเก่าที่อัพเดทใหม่ดีกว่าหน้าใหม่ (การอัพเดทนั้นหมายถึงการเพิ่มเนื้อหาอย่างน้อย 1 ย่อหน้า)
59. มีการจัดวางเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เน้นอ่านง่าย สบายตา
60.ไม่ใช่โดเมนที่ว่างอยู่ (Parked Domain)
61เนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้เข้าชม เนื้อหาที่มีคุณภาพ อาจไม่มีประโยชน์กับผู้เข้าชมก็ได้ ดังนั้นต้องทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่ามีประโยชน์มากที่สุด คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ได้จากการทำหน้าเนื้อหา "... คืออะไร", "... ใช้ยังไง", "วิธี ..." เป็นต้น
62. มีเนื้อหาที่มีคุณค่าและแตกต่าง สร้างหน้าเว็บที่มีข้อมูลเชิงลึกและมีประโยชน์กับผู้เช้าชมแทน
63. มีหน้าสำหรับติดต่อ (หน้าติดต่อเรา) Google จะได้รู้ว่า ลูกค้าสามารถติดต่อใครได้ ธุรกิจนั้นมีอยู่จริงไม่หลอกลวง
64.บทความที่มีสาระและไม่ซ้ำใคร google นั้นลงโทษเว็บที่มีบทความซ้ำ ๆ หรือบทความน้อยแต่มี link ออกมากเกินไป บางคนสร้างเว็บมาเพื่อหลอกกูเกิลไปยังเว็บไซต์อื่น
65. หน้าติดต่อเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่เว็บควรมี เพราะ google ชอบเว็บที่มีข้อมูลให้ติดต่อได้ และถ้าข้อมูลตรงกับ whois ก็อาจช่วยมากขึ้น
64.มี Domain Trust / TrustRank สูง คิดจากอีกหลายปัจจัย โดยเน้นที่การมี link จากเว็บที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก
trustrank หรือ domain trust จำนวน link ที่เว็บคุณได้จากเว็บอื่น โดยเฉพาะเว็บที่มี trustrank สูงหรือเว็บที่ google เรียกว่า seed sites
65. มีโครงสร้าง HTML ของเว็บที่ดี
โครงสร้างเว็บไซต์ ช่วย google จัดการกับบทความในเว็บคุณได้เป็นอย่างดี
66. มีการปรับปรุงแก้ไขเว็บอยู่เสมอ
การอัปเดตเว็บบ่อย ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใคร
67. มีจำนวนหน้าเว็บเยอะ จำนวนหน้าเว็บ เว็บที่มีจำนวนหน้าเยอะ ทำให้ google มองว่าเป็นเว็บคุณภาพ
68. มี Sitemap ของเว็บ
การมีไฟล์ sitemap ไฟล์นี้ช่วยให้ search engines รู้จักเว็บไซต์คุณดีขึ้น
69. เว็บมี Uptime สูง เปิดหน้าเว็บเร็ว ไม่ต้องรอนาน
site uptime การที่เว็บ down นั้นส่งผลเสียต่อการจัดอันดับเว็บคุณ
70. ที่ตั้งเซิฟเวอร์ หากค้นหาคำไทย ที่ตั้งในไทยจะดีกว่า
ที่อยู่ของเซิฟเวอร์ : ที่อยู่ของเซิฟเวอร์อาจจะมีผลทำให้เว็บของคุณมีอันดับต่างกันไปในแต่ละประเทศได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการค้นหาแบบเจาะจงพื้นที่
71. มีการใช้งาน SSL (https://)
SSL Certificate (สำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซ) กูเกิ้ลยืนยันว่าพวกเขาทำการเก็บข้อมูล SSL certificate ด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลนึงว่า google อาจจะจัดอันดับเว็บอีคอมเมิร์ซที่มี SSL certificates สูงกว่าเว็บอื่น ๆ
72. มีหน้าข้อตกลงการใช้งาน และนโยบายความเป็นส่วนตัว
เงื่อนไขการให้บริการและหน้าส่วนตัว สองหน้านี้จะช่วยบอก google ว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์
73. ข้อมูลใน Mete Tag ต้องไม่ซ้ำกัน
เนื้อหาที่ซ้ำกันบนเว็บ: หน้าที่ซ้ำซ้อนและ meta information ที่เหมือนกันทุกหน้าในเว็บอาจจะทำให้เว็บไซต์ของคุณอันดับต่ำลง
74. มีเมนูแบบ Breadcrumb
เมนูแบบ Breadcrumb เป็นเมนูที่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชม รวมไปถึง search engines รู้ว่าตอนนี้หน้าที่พวกเขาอยู่นั้นอยู่ตรงส่วนไหนของเว็บ ซึ่งบางเว็บไซต์อ้างว่ามันช่วยในเรื่องการจัดอันดับด้วย
75. รองรับกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile Site)
การออกแบบให้รองรับอุปกรณ์มือถือ การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ (responsive website) จะช่วยให้ติดอันดับที่ดีในการค้นหาโดยใช้อุปกรณ์มือถือ
76. ใช้ Youtube ในการอัพโหลดวิดีโอ
Youtube แน่นอนว่าวีดีโอเว็บ youtube สามารถทำอันดับใน google ได้ดี เหตุผลง่าย ๆ ก็แค่เจ้าของเดียวกัน
77. การใช้งานเว็บที่ง่าย
เว็บไซต์ที่ยากต่อการใช้งาน หรือดูหน้าเว็บ จะทำให้อันดับแย่ลงเนื่องจากผู้เยี่ยมชมใช้เวลาบนเว็บไซต์น้อยกว่าเว็บทั่วไป รวมดูจำนวนหน้าที่ดูน้อยกว่า การกลับเข้ามาดูอีกครั้งที่ต่ำ
78. ใช้ Google Analytic และ Google Webmaster Tools
การใช้ google analytics และ google webmaster tools หลายคนมีความเชื่อว่าถ้ามีการติดตั้งสองโปรแกรมนี้บนเว็บจะช่วยเรื่องการเก็บข้อมูล และส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับเนื่องจากได้ให้ข้อมูลของเว็บคุณตามที่ google ต้องการ
79. มีการรีวิวจากผู้ใช้งานบนเว็บรีวิวที่มีชื่อเสียง
คำวิจารณ์จากผู้เยี่ยมชม/ชื่อเสียงของเว็บไซต์ คำวิจารณ์บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ จะส่งผลต่อการจัดอันดับ ซึ่งเราได้เห็นความพยายามจะใช้สิ่งนี้เข้ามาร่วมจัดอันดับหลายครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถให้คะแนนเว็บเพื่อลดปัญหาการสร้าง link ที่เน้นเรื่อง seo มากกว่าเป็น link ตามธรรมชาติ
80. มีลิงก์มาจากเว็บที่มีอายุนาน
ลิงก์จากเว็บที่มีอายุเก่าแก่ให้ผลดีมากกว่าลิงก์จากเว็บใหม่ ๆ
81. จำนวนลิงก์ที่มาจากหน้าหลักของเว็บ
82. จำนวนลิงก์ที่ลิงก์ไปที่หน้าหลักของเว็บ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ google
83. มีลิงก์มาจากเว็บที่มีที่ตั้งเซิฟเวอร์และ IP ต่างกัน
84. จำนวนของลิงก์ที่ได้จากเว็บที่มี IP class C แตกต่างกัน ยิ่งหลากหลายเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเว็บคุณ
85. จำนวนลิงก์ที่วิ่งเข้ามา
จำนวนลิงก์จากหน้าต่าง ๆ แม้ว่าจะเป็นหลาย ๆ หน้าในเว็บเดียวกัน แต่จำนวนที่ลิงก์มาก็ส่งผลต่อการจัดอันดับ
86. Alt text ของรูปที่มีลิงก์กลับ Alt Tag สำหรับ ลิงก์รูปภาพ อย่าลืมใส่ให้กับรูปภาพในเว็บคุณ
87. มีลิงก์มาจากเว็บที่เป็นโดเมน .edu, .gov, .go.th, .ac.th
ลิงก์จากเว็บ .edu หรือ .gov แม้ว่า Matt Cutts เองจะบอกว่า ลิงก์จากเว็บพวกนี้ไม่ได้สำคัญกว่าลิงก์จากเว็บทั่ว ๆ ไป แต่หลายคนไม่เชื่อ และมั่นใจว่าการได้ลิงก์จากเว็บ .edu และ .gov ส่งผลดีกว่าลิงก์จากเว็บทั่วไปแน่ ๆ
88. PageRank (PR) ของเว็บที่มีลิงก์กลับ
pagerank ของหน้าที่ทำลิงก์มาหาเว็บคุณ ยิ่งสูงยิ่งดี
89. Domain Authority (DR) ของเว็บที่มีลิงก์กลับ
ค่า authority ของเว็บที่ทำลิงก์มาหาเว็บคุณ เช่นการได้ลิงก์จากหน้าเว็บ pr2 เหมือนกัน แต่หน้าหลักเว็บแรก pr3 ในขณะที่เว็บที่สองหน้าหลัก pr8 การได้ลิงก์จากเว็บที่สองย่อมได้ผลดีกว่า
90. มีลิงก์จากเว็บที่เป็นคู่แข่ง
ลิงก์จากเว็บคู่แข่ง ลิงก์จากหน้าเว็บที่อยู่ในหน้าผลการจัดอันดับในคำเดียวกัน ย่อมส่งผลดีกับเว็บคุณในคำนั้น ๆ
91. มีการแชร์บน Social (Post แบบมีลิงก์กลับ) การแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ยิ่งจำนวนมากยิ่งส่งผลกับหน้านั้น ๆ เช่น Facebook, Line, Google, YouTube, Twitter, Instagram, Blog
92. ห้ามมีลิงก์ที่มาจากเว็บต้องห้ามต่างๆ เช่น เว็บโป้ เว็บเปลือย เว็บการพนัน
link จากเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ เว็บต้องห้ามต่าง ๆ จะส่งผลเสียกับเว็บไซต์คุณ
link จากเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ เว็บต้องห้ามต่าง ๆ จะส่งผลเสียกับเว็บไซต์คุณ
93. ลิงก์ที่มาจาก Guest Post ได้คะแนนน้อย
การเขียนจากบุคคลภายนอก ลิงก์ที่ได้นั้นส่วนใหญ่จะได้ในส่วนของผู้เขียนข้อความนั้น ซึ่งถือว่ามีค่า
94.น้อยกว่าลิงก์ในบทความ
94.น้อยกว่าลิงก์ในบทความ
มีลิงก์ไปยังหน้าหลักของโดเมนที่มีลิงก์กลับมาหา
95. ลิงก์ไปที่หน้าแรกของเว็บของหน้าใน การมีลิงก์ไปที่หน้าหลักบนหน้ารอง ๆ ของเว็บจะช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ
96. ได้ Nofollow Links ก็ยังดีกว่าไม่มีลิงก์กลับ
Nofollow links หนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยหัวข้อหนึ่งเมื่อพูดถึง SEO ซึ่ง google เองก็ได้บอกอย่างง่าย ๆ ว่า โดยทั่วไปแล้ว เราไม่ให้ความสนใจกับ nofollow link ซึ่งคำว่า “โดยทั่วไป” คือในกรณีปกติ ซึ่งหมายถึงมีกรณีที่นอกเหนือจากปกติและ google สนใจ ดังนั้นการได้ nofollow link ก็ดีกว่าไม่ได้เลย
มีความหลากหลายของเว็บที่มีลิงก์กลับ
97. ความหลากหลายของลิงก์ การมีลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติจำนวนมากนั้น สามารถดูได้ง่าย ๆ เช่น ลิงก์ส่วนใหญ่มาจากแหล่งคล้าย ๆ กัน เช่น ลิงก์จากประวัติส่วนตัวในฟอรั่มหรือเว็บบอร์ด ลิงก์จากการเขียนความเห็นในบล็อก ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการแสปม แต่ในอีกนัยนึงการได้ลิงก์ที่หลากหลายก็เป็นสัญญาณว่าเป็นลิงก์ที่เป็นคุณภาพ
98. ลิงก์กลับที่มีคำใกล้ๆ อย่างเช่น ผู้สนับสนุน จะได้คะแนนน้อย
ลิงก์ผู้สนับสนุนหรือลิงก์จากคำที่มีความหมายคล้าย ๆ กัน จะลดค่าของลิงก์นั้น
ลิงก์กลับนั้นอยู่ในเนื้อหา ดีกว่าลิงก์ที่อยู่นอกเนื้อหา
99. ลิงก์ในเนื้อหาบทความ ส่งผลดีมากกว่า ลิงก์ที่อยู่บนหน้าว่าง ๆ หรือลิงก์ที่เจอในส่วนอื่นของหน้า
100. ไม่ควรมีลิงก์กลับที่มาแบบหลอกที่มา
101. ข้อความในลิงก์กลับ (ที่มาจากเว็บอื่น)
102. ข้อความในลิงก์กลับ (ที่มาจากในเว็บตนเอง)
103. ข้อความใน Title ของลิงก์
หัวข้อลิงก์ ข้อความที่ปรากฎขึ้นเมื่อคุณลากเม้าส์ไปเหนือลิงก์นั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการจัดอันดับ
ลิงก์กลับมาจากเว็บ .th
104. การได้ลิงก์พวกโดเมน ดอทต่าง ๆ ที่เป็นชื่อประเทศ เช่น .th , .co.uk, .de จะช่วยให้เว็บของคุณทำอันดับได้ดีในประเทศนั้น ๆ
106. ลิงก์กลับอยู่ในส่วนเนื้อหา ไม่ควรอยู่โดดๆ
ลิงก์ที่อยู่ในบทความ: ลิงก์ที่อยู่ในส่วนของบทความจะมีน้ำหนักมากกว่า ลิงก์ที่อยู่ตอนท้ายของบทความ
107. ที่อยู่ของลิงก์ในหน้า
การได้ลิงก์พวกโดเมน ดอทต่าง ๆ ที่เป็นชื่อประเทศ เช่น .th , .co.uk, .de จะช่วยให้เว็บของคุณทำอันดับได้ดีในประเทศนั้น ๆ
108.ลิงก์กลับอยู่ในส่วนต้นของหน้า
ที่อยู่ของลิงก์ในหน้า นั้นเป็นจุดสำคัญอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วลิงก์ในบทความของหน้านั้นจะมีพลังมากกว่าลิงก์ที่ด้านข้างหรือด้านล่างของเว็บ
109. ลิงก์กลับจากโดเมนที่เกี่ยวข้องกัน (ยิ่งเฉพาะมาก ยิ่งดี)
การได้ลิงก์จากเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ยิ่งเป็นเว็บที่เฉพาะเจาะจง ยิ่งได้พลังจากเว็บเหล่านั้นมากกว่าได้ลิงกืจากเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
110. ลิงก์กลับจากหน้าที่เกี่ยวข้องกัน (ยิ่งเกี่ยวกัน ยิ่งดี)
101. ระดับความเกี่ยวข้องของหน้า hilltop algorithm บอกว่าลิงก์จากหน้าที่ใกล้เคียงกับบทความหน้าจะมีพลังมากกว่าได้ลิงก์จากหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง
102. ข้อความรอบๆ ลิงก์กลับควรเป็นคำชม
103.ข้อความรอบ ๆ ลิงก์ google อาจใช้ข้อความรอบ ๆ ลิงก์นั้นเพื่อตัดสินว่าลิงก์นั้นเป็นอย่างไร เพราะข้อความการเป็นคำแนะนำเว็บคุณ หรือเป็นการวิจารณ์เว็บคุณในแง่ร้าย ลิงก์ที่มีข้อความรอบ ๆ เป็นข้อความที่ดีย่อมส่งผลดีมากกว่า
104. มี keyword ใน Title ของลิงก์กลับ
105.คำที่ปรากฎรอบ ๆ: คำที่ปรากฎรอบ ๆ backlinks ของคุณจะช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าเว็บคุณเกี่ยวกับอะไร
106. มีจำนวนเว็บที่มีลิงก์กลับมากขึ้นเรื่อยๆ
107. ไม่ควรมีจำนวนเว็บที่มีลิงก์กลับน้อยลง
108. มีลิงก์จาก Hub ที่น่าเชื่อถือ
109. มีลิงก์จากเว็บที่ได้รับรองจาก Google
110.มีลิงก์จาก Wikipedia
111. การได้ลิงก์จากแหล่งอ้างอิงใน Wikipedia : แม้ว่าลิงก์เหล่านั้นจะเป็น nofollow แต่หลายคนก็คิดว่าการได้ลิงก์จาก Wikipedia จะช่วยเพิ่ม trust และ authority ให้กับเว็บคุณในการจัดอันดับของ search engines.
112. ข้อความที่ติดกันเลยกับข้อความลิงก์กลับ
113.
ลิงก์จากหน้าเว็บท่า การได้ลิงก์จากหน้าเว็บที่ google มองว่าเป็นเว็บข้อมูลชั้นดี หรือหน้าเว็บท่า ในหัวข้อเฉพาะจะได้รับการจัดอันดับที่ดีเป็นพิเศษ
104. อายุของลิงก์กลับ (ลิงก์ที่มีอายุเยอะจะให้คะแนนที่ดีกว่า)
105. อายุ Backlink : สอดคล้องกับสิทธิบัตรของ Google ลิงก์ที่เก่าแก่กว่าจะให้พลังมากกว่าลิงก์ใหม่ ๆ
106. มีลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์จริงๆ (ไม่ใช่เว็บบล็อกเพื่อ SEO)
อายุของโดเมน โดเมนที่มีอายุนานกว่าจะได้ อันดับที่ดีกว่า
เว็บไซ ต์ Website จะมาพร้อมกับโดเมนและโฮส (Domain & Host) การเช่าโดเมนและโฮส จำเป็นต้องมีค่าบริการ และค่าใช้จ่ายที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องจ่าย
เป ็นประจำต่อเนื่องเป็นรายปี
เพื่อให้เว ็บไซต์ของเราเผยแพร่บนอินเตอร์เนต บนโลกออนไลน์ การที่เราจะมีเว็บไซต์ เราต้องมี 2 อย่าง คือบริการจดทะเบียนโดเมนเนม และบริการเว็บโฮสติ้ง ซึ่งทั้ง 2 จะมีระยะเวลาในการจ่ายค่าบร ิการแตกต่างกันไป โดยค่าโดเมนเนมจะมีค่าบริการแบ บรายปี ค่าบริการเว็บโฮสต ิ้ง ก็แล้วแต่ว่าเราจะเลือกชำระแบ บไหน ส่วนใหญ่เจ้าของเว็บไซต์จะเลือกชำระเป็นรายปี
เมื่อใกล้หมดอายุบริการอยู่ แล้ว เราควรรีบดำเนินการดังต่อไป นี้
1. ตรวจสอบวันหมดอายุที่ถูกต้อ งอีกครั้งที่ระบบ Whois https://www.whois.com/ whois/
ระบบนี้จะมีที่อยู่ของเว็บไซต์ ผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมน เนม และผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง ทุกเว็บ เพื่อที่จะได้รู้ถึงวันหมดอ ายุที่แท้จริง
ระบบนี้จะมีที่อยู่ของเว็บไซต์
2. เมื่อตรวจสอบจนรู้วันหมดอาย ุที่แท้จริงแล้ว ก็ตรวจสอบไปที่ผู้ให้บริการจดทะเ บียนโดเมนเนมด้วย โดยการดูที่ระบบ Whois เช่นเดียวกัน ดูที่ Technical contact เพื่อจะได้ทราบว่าโดเมนเนมข องเราจดทะเบียนไว้กับผู้ให้ บริการใด หลังจากนั้นก็ติดต่อไปยังอี เมลล์ หรือเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุ เพื่อติดต่อขอต่ออายุโดเมนเ นม เมื่อชำระค่าบริการแล้ว ผู้ให้บริการก็จะดำเนินการต ่ออายุให้ กรณีที่โดเมนเนมหมดอายุแล้ว ระบบจะใช้เวลาประมาณ 4-6 ชม. เพื่ออัพเดทข้อมูล และกลับมาใช้งาน (เข้าเว็บฯ และรับ ส่งอีเมลล์) ได้อีกครั้ง
3. ปัญหาการต่ออายุ ส่วนมากจะมีเฉพาะท่านที่จ้างทำเว็บ คือไม่ได้ทำเว็บเองนั่นเอง ซึ่งหากท่านจ้างบริษัท โดยทั่วไปบริษัทก็จะดำเนินติดตามเพื่อให้ท่านชำระค่าบริการในการต่ออายุ แต่หากท่านจ้าง Freelance ท่านอาจจะมีปัญหาในการติดต่อ Freelance (ปัญหาโดนทิ้งงาน ซึ่งอันตรายมาก)
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเข้าเว ็บไซต์ไม่ได้ โดเมนเนมที่หมดอายุจากระบบจะถูกลบออกจ ากระบบ สถาณะจะเป็นโดเมนเนมว่าง (แล้วมีโอกาสถูกคนอื่นจดไป) หากโดเมนของท่านใกล้หมดอายุ เราขอแนะนำให้ท่านรีบดำเนินก ารต่ออายุโดเมนของท่านก่อนนะคะ
แต่หากท่านสร้างเว็บท่านเอง ในวันที่ท่านจดทะเบียนกับบริษัทผู้ให้บริการในการเช่าโดเมนและโฮส บริษัทจะให้ท่านสมัครใช้บริการโดยอีเมล์ E-mail และหากโดเมนและโฮสของท่านไกล้หมดอายุ บริษัทก็จะส่งอีเมล์มาที่อินบ็อกซ์ของท่านก่อนวันหมดอายุ เพื่อเป็นการเตือนให้ท่านชะรำค่าบริการ เพื่อเป็นการต่ออายุโดเมนและ
โฮสด้วยตัวท่านเอง ซึ่ง หากท่านเป็นคนทำเว็บไซต์ด้วยตัวท่านเอง ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น
เจ้าของแบรนด์ควรมีเว็บไซต์ โปรโมทธุรกิจ โปรโมทสินค้า ของตัวเอง เพื่อที่ธุรกิจเติบโตอย่างย ั้งยืนและที่สำคัญ หากทำเรียนรู้เพื่อที่จะทำเ ว็บไซต์ด้วยตัวท่านเอง ค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์จ ะแค่ 1,250 บาทต่อปี (ค่าโดเมนและโฮส)
***ทางสถาบันมีคอร์สสอนทำเว็บไซต์ขายของ ทำเว็บขายของออนไลน์ 2 ระบบ คือ WordPress ระบบเวิร์ดเพรส และ ระบบ เทพช็อป ซึ่งการจด โดเมนและเว็บไซต์ มีราคาต่อปี ไม่เกิน 1,250 บาท
***คำเตือน หลีกเลี่ยงเรียนกับสถาบันที่ให้บริการเปิดสอนคอร์สสร้างเว็บไซต์ โดยไม่สอนจดโดเมนและโฮส เนื่องจากท่านจะเสียเวลา เพราะเว็บไซต์ที่ใช้งานได้จริง จะต้องมีการจดโดเมนและโฮส ซึ่งเป็นชื่อ www.ชื่อของท่าน.com เท่านั้น
ใครสนใจเรียนก็จองคอร์สเรียนล่วงหน้าได้เลยนะคะ ยินดีจ้า
ไอทีแม่บ้าน ครูเจ
ครูสอนการตลาดออนไลน์/โคชสอนสร้างแบรนด์/วิทยากร SEO/ครูสอนอาชีพ
โดเมน หรือ โดเมนเนม Domain - Domain Name คืออะไร ?
สิ่งที่คนอยากทำเว็บไซต์ ทุกคนต้องรู้ และจำเป็นต้องรู้ ไม่ว่าท่านจะจ้างทำเว็บหรือ ทำเอง ก่อนทำเว็บไซต์ คือการจดโดเมน คือการเลือกชื่อ ชื่อเว็บไซต์ ชื่อบล็อก (ส่วนมากจะใช้เป็นชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์) ซึ่งเจ้าของต้องเป็นคนตั้งชื่อ ไม่แนะนำให้ตั้งชื่อยาว เพราะจะจำยาก ชื่อโดเมนที่สั้นและจำได้ง่ายนั้น จะส่งผลให้ลูกค้าจำได้ง่ายและนำไปใช้งานได้ง่าย การค้นหาง่าย ไม่ยาก ไม่ยาวจนเกินไป ตัวอย่างเช่น สอนการตลาดออนไลน์)
ชื่อโดเมน ต้องเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำกัน โดเมนเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการจัดทำเว็บ ชื่อโดเมนก็เหมือนกับตราสินค้า ชื่อแบรนด์ ชื่อร้านค้า เป็นชื่อสำหรับเรียกชื่อที่อยู่ของเว็บเพจของเรา ตัวอย่างง่าย ๆ เปรียบเหมือนกับชื่อร้านค้า ชื่อแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าค้นหาร้านค้า ค้นหาสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง จดแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ หากจำเป็นต้องแก้ไข คือ ต้องจ่ายค่าจดโดเมนใหม่เท่านั้น
Domain หรือ Doman Name โดเมนเนม ก็คือ ชื่อของเว็บไซต์ หรือ ที่อยู่ ของเว็บไซต์เรานั่นเอง (ที่อยู่เว็บไซต์ หรือ Web Address) ตัวอย่าง www.ไอทีแม่บ้าน.com , www.itmeban.com
วันนี้ ธุรกิจของท่านมีเว็บไซต์หรือยังคะ ?
ถ้ายังไม่มี รออะไร รีบมาเรียนกับครูเจ เลยค่ะ ถ้าใครไม่เก่งคอม แนะนำเรียนตั้งแต่เริ่มต้นก่อน เรียนทีละคอร์ส ทีละระบบ เพราะเราพึ่งเริ่มต้น จะเก่งเท่ามืออาชีพ Webmaster ไม่ได้ ขนาดครูเจ ทุกวันนี้ครูเจ ก็ยังเรียนอยู่เลย งานไม่มีวันเต็มแก้ว ครูเจ ถือว่า ยิ่งเรียน ยิ่งรู้ ยิ่งเก่ง ยิ่งหาเงินออนไลน์ได้ ยิ่งเทพ ส่วนเงินนั้น เด่วก็มาเองค่า
No comments:
New comments are not allowed.